กำกับด้วยทุกครั้ง หากปรุงอาหารด้วยเกลือเสริมไอโอดีน และรับประทานอาหารทะเลเป็นครั้งคราว โอกาสก็จะเกิดภาวะขาดสารไอโอดีนก็แทบไม่มีเลยค่ะ อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >>
ควรส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลถ้าเด็กมีอาการบวม เบื่ออาหาร มีท่าทางเซื่องซึม อาจต้องป้อนอาหารทางสายยาง รักษาโรคติดเชื้อ และแก้ไขภาวะอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย 2. ควรส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกันถ้าสงสัยว่ามีโรคติดเชื้อที่รุนแรง 3. หากไม่มีอาการใดๆ ให้ดูแลรักษาดังนี้ -แนะนำการให้อาหารและการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง -ให้การรักษาตามสาเหตุของโรคที่พบร่วม เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย แผลพุพอง ทอนซิลอักเสบ เป็นต้น -ให้ยาบำรุงโลหิตหรือวิตามินรวม การป้องกัน 1. ควรเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาอย่างน้อย 6 เดือน โดยเฉพาะในครอบครัวที่ยากจนและมีลูกมากไม่ควรหย่านมบุตรเร็วเกินไป 2. ให้อาหารเสริมอย่างเพียงพอและถูกต้องแก่ทารก 3. ให้วัคซีนป้องกันโรคแก่เด็กเล็ก 4. ควรแนะนำการเลี้ยงดูและการให้อาหารเสริมถ้าพบว่าน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ จึงควรหมั่นชั่งน้ำหนักเด็กเป็นระยะๆ หากยังไม่ได้ผลควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ 5. ไม่ต้องงดของแสลงเมื่อเด็กเจ็บป่วย เช่น มีบาดแผลอักเสบ คางทูม หัด อีสุกอีใส เป็นต้น เพื่อบำรุงร่างกายเด็กจึงควรให้กินอาหารประเภทโปรตีนมากๆ เช่น เนื้อ นม ไข่ และถั่วต่างๆ
12 กันยายน 2563 1, 998 สำรวจร่าง สังเกต 7 สัญญาณอันตรายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพรุนแรงเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อย่ารอให้หิว อย่ารอให้กระหาย และอย่าละเลยมื้ออาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เพราะจะทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน (ภาวะทุพโภชนาการ) หรือที่เรียกกันว่า "ขาดสารอาหาร" ซึ่งภาวะดังกล่าวไม่ได้แสดงอาการผ่านรูปร่างที่ซูบผอมเท่านั้น ทว่ายังแทรกภัยร้ายในร่างกายได้หลากหลายรูปแบบ รศ. ดร. นพ. วีระเดช พิศประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แนะนำให้สังเกตสัญญาณอันตรายจากร่างกายที่บ่งบอกว่าเรากำลังเข้าสู่ภาวะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือไม่ ด้วย 7 อาการดังนี้ 1. ร่างกายอ่อนเพลีย ร่างกายที่อ่อนเพลียเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่อีกสาเหตุหลักคือ กินอาหารที่มีสารอาหารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะโปรตีน เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนไม่พอ ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ถดถอย จนอาจทำให้รู้สึกอยากทำอะไร และถ้าขาดวิตามินหรือเกลือแร่บางชนิด ร่างกายจะไม่สดชื่นก็จะสะท้อนผ่านความอ่อนเพลียได้เช่นกัน 2. สมาธิสั้น สังเกตได้ว่าหลายคนที่กำลังหิว เวลาอ่านหนังสือก็จะจำไม่ค่อยได้ จะทำอะไรก็ไม่ค่อยจดจ่อ เพราะมีสารอาหารหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง เช่น โอเมก้า 3, วิตามิน B, โพรไบโอติก, กาบ้า เป็นต้น เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้ไม่ครบถ้วน จึงส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นได้ 3.
แผลหายช้า กระบวนการสมานแผลของร่างกายประกอบไปด้วย กระบวนการอักเสบ กระบวนการงอกของเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ และกระบวนการตกแต่งบาดแผล ซึ่งต้องอาศัยสารอาหาร ได้แก่ โปรตีน กรดไขมันจำเป็น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี การขาดสารอาหารเหล่านี้ทำให้กระบวนการอักเสบยาวนานขึ้น และความสามารถในการสร้างคอลลาเจน เส้นเลือด และเนื้อเยื่อพังผืดลดลง ส่งผลให้แผลหายช้า 7.
มารดาและทารกในครรภ์ แม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะการขาดสารไอโอดีนหรือได้รับปริมาณไอโอดีนไม่เพียงพอ จะมีผลทำให้เกิดอาการแท้งหรือทารกเสียชีวิตในครรภ์ รวมถึงตัวแม่เองก็มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ง่าย 2. ทารกแรกเกิด ทารกแรกเกิดในช่วง 0-2 ปี หลังจากการคลอดที่เกิดจากภาวะการขาดสารไอโอดีนขณะอยู่ในครรภ์ และการขาดสารไอโอดีนหลังการคลอดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มักมีร่างกายผิดปกติหลังคลอด เกิดอาการคอพอก ภาวะฮอร์โมนไทรอกซินต่ำ จะเกิดความผิดปกติของระบบประสาท สมอง และทางร่างกาย ปัญญาอ่อน หูหนวก แขนขากระตุก ตาเหล่ เป็นต้น 3. เด็กและวัยรุ่น หากเกิดภาวะการขาดสารไอโอดีนในช่วงที่กำลังมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาทางด้านร่างกาย เด็กมักมีอาการคอพอก ฮอร์โมนไทรอกซินต่ำ ร่างกายแคระแกร็น ซูบผอม สติปัญญาไม่พัฒนาเท่าที่ควร 4. ผู้ใหญ่ ภาวะขาดสารไอโอดีนในวัยผู้ใหญ่ทำให้มีอาการคอพอก ฮอร์โมนไทรอกซินต่ำ อ่อนแรง เหนื่อยง่าย เชื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง ผิวหนังแห้ง เสียงแหบ ท้องผูก ทนหนาวไม่ได้ และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ ได้ง่าย ทางรัฐก็จัดเกลือเสริมไอโอดีนให้พื้นที่ห่างไกลเสมอ วิธีตรวจลำคอเพื่อหาภาวะขาดสารไอโอดีน 1.
นพ. ชัยเจริญ ตันธเนศ ภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล