15 ในขณะที่นักเรียนที่เรียนอ่อนทำแบบทดสอบได้ถูกต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.
92 ทำผิด 384 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 59. 08 และพบว่าไม่มีนักเรียนคนใดทำคะแนนได้ถึงร้อยละ 65 โดยนักเรียนที่มีคะแนนต่ำสุดคือทำถูกเพียงร้อยละ 0 เท่านั้น และเมื่อได้ใช้วิธีสอนแบบให้ผู้เรียนสร้างประโยคจากศัพท์ที่กำหนดโดยให้สร้างในรูปของ mind mapและทำแบบทดสอบพบว่านักเรียนที่เรียนเก่งที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 65 คน ใช้คำศัพท์ที่กำหนดแต่งประโยคได้หลากหลายขึ้น ซึ่งทำได้ถูกต้อง 614 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 94. 46 ทำผิด 36 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 5. 54 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่เรียนเก่งทำคะแนนดีขึ้นกว่าเดิม ในขณะนักเรียนที่เรียนอ่อนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 65 คน ทำได้ถูกต้อง 357 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 54. 92 ทำผิด 293 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 45. 08 แม้จะพบว่ายังคงมีนักเรียนที่เรียนอ่อนส่วนหนึ่งยังคงทำคะแนนได้น้อยกว่าร้อยละ 65 แต่ทุกคนก็มีการพัฒนาในการแต่งประโยคที่ดีขึ้น เมื่อทำการเปรียบเทียบการพัฒนาการใช้เทคนิคการเรียนรู้ W-P-S-C พัฒนาการเขียนประโยคภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยทั้ง 2 ครั้ง คือการให้นักเรียนใช้คำศัพท์ที่กำหนดแต่งเป็นวลีและประโยคโดยให้สัมพันธ์กับภาพ และ การให้ผู้เรียนสร้างประโยคจากศัพท์ที่กำหนดโดยให้สร้างในรูปของ mind mapพบว่าการการทดสอบครั้งที่ 2 นักเรียนที่เรียนเก่งทำแบบทดสอบได้ถูกต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.
รูปแบบการการนำคำศัพท์ขั้นพื้นฐานที่กำหนดให้ขยายให้เป็นรูปประโยคได้แก่ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ใบงาน 2. แบบทดสอบการนำคำศัพท์ขั้นพื้นฐานที่กำหนดให้ขยายให้เป็นรูปประโยค วิธิดำเนินการ ขั้นตอนการพัฒนานวัตกรรมการใช้เทคนิคการเรียนรู้ W-P-S-C พัฒนาการเขียนประโยคภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 1. ทบทวนคำศัพท์ที่เรียนผ่านมา 2. อธิบายโครงสร้างประโยค 3. ผู้สอนยกตัวอย่างการเขียนประโยคให้ได้ใจความจากการใช้ คำศัพท์ วลี ประโยค ประโยคความซ้อน 3. ผู้เรียนฝึกสังเกตและฝึกการปฏิบัติตาม 4. กำหนดคำศัพท์ที่จะเขียนให้เป็นวลี ประโยค ประโยคความซ้อน 5. ผู้เรียนฝึกทำแบบฝึกหัดและแบบใบงานการใช้เทคนิคการเรียนรู้ W-P-S-Cพัฒนาการเขียนประโยคภาษาจีน ผลการวิจัย จากวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาในบทที่แล้ว ผลการทดสอบครั้งแรกคือให้นักเรียนใช้คำศัพท์ที่กำหนดแต่งเป็นวลีและประโยคโดยให้สัมพันธ์กับภาพพบว่า นักเรียนที่เรียนเก่งที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 65 คน ทำได้ถูกต้อง 509 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 78. 31 ทำผิด 141 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 21. 69 ซึ่งผลการตรวจสอบคะแนนจากการสอบพบว่านักเรียนที่เรียนเก่งไม่มีนักเรียนคนใดที่ได้คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 65 ในขณะที่นักเรียนที่เรียนอ่อนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 65 คน ทำได้ถูกต้อง 266 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 40.
ผลงานวิจัย ของ อ.